10 ที่ท่องเที่ยวที่โด่งดั่งในเมืองปราก
สาธารณรัฐเช็ก
กรุงปรากได้ถูกจัดอันดับโดย Trip Advisor ให้เป็น 1 ใน 25 เมืองท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวที่สุดในทวีปยุโรป
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะว่า 2 ครั้ง
2 คราที่มาเยือนเมืองนี้
นักท่องเที่ยวนั้นหนาแน่นตลอดปี ไม่ว่าจะช่วงหน้าร้อนหรือช่วงหน้าหนาว
จึงไม่แปลกใจที่กรุงปรากได้ถูกโหวตให้เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความงดงามน่าพิศวงไม่แพ้เมืองใดในโลก
แม้จะมีความรู้และประสบการณ์เพียงหยิบโหย่งจากการใช้เวลาอยู่ที่เมืองนี้เพียง
4 วัน 3 คืนเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ไช้ชวนทัวร์ขอเสนอตัวแนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังและน่าเที่ยวเป็นที่สุดเมื่อมาถึงเมืองนี้
มิฉะนั้นคุณจะพลาดเป็นอย่างมาก
สะพานชาร์ลส์เป็นสะพานหินที่เก่าแก่ของกรุงปราก
สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1357 แล้วเสร็จในปี
ค.ศ. 1402 ฉะนั้นน่าจะมีอายุเกิน
600 ปีแล้ว
สะพานนี้เรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเมืองนี้
เพราะเชื่อมต่อระหว่าง Prague Castle และ
Old Town ในทริปที่ผ่านมา
ผมน่าจะข้ามสะพานนี้ไปกลับนับ 10 รอบ
บนสะพานนั้นนอกจากจะเป็นจุดชมวิวแม่น้ำ Vitava
แล้ว ยังเป็นที่เหล่สาวสวยจากทุกมุมโลก
ไม่เพียงเท่านั้น คุณจะยังเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมข้างถนนมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพเสมือนจริง ฟังดนตรีจาก Live
Band และจับจ่ายใช้สอยซื้อของเป็นที่ระทึกเก็บกลับบ้านอีกด้วย
มาถึงกรุงปรากแล้วไม่ได้มาเยือนปราสาทแห่งนี้
เรียกได้ว่ามาไม่ถึง ปราสาทแห่งนี้ก็จะคล้ายๆ กับพระบรมมหาราชวัง
เพราะเป็นสถานที่ประทับและสำนักงานของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็ก
แต่ความพิเศษมันอยู่ที่ว่า มันงดงาม สูงตระหง่าน ย่ิงใหญ่ และเก่าแก่นับพันปี Guiness Book of World Records ถึงกับบันทึกไว้ว่า
Prague Castle เป็นปราสาทคอมเพล็กซ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
มีอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 70,000 ตรม.
น่าเสียดายยิ่งนักที่ผมไม่ได้มีโอกาสเข้าไปชมความอลังการภายในโถงชั้นใน
เพราะผู้คนล้นหลามมากมายเสียเหลือเกิน สำหรับคนที่สนใจ แนะนำให้ไปแต่หัววัน
พยายามหลีกเลี่ยงช่วง Prime Time หรือ
High Season
นาฬิกาดาราศาสตร์หรือ
Astronomical Clock นี้มีอายุนานมากกว่า
600 ปี ตั้งอยู่ใจกลางจตุรัสเมืองเก่า
(Old town) กลางกรุงปราก
นาฬิกาเรือนนี้ไม่เพียงสวยงามทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา
แต่ยังสามารถบอกเวลาและใช้งานได้จริงอีกด้วย
ในสมัยโบราณกาลชาวเช็กมีความเชื่อกันว่าหากนาฬิกาหยุดเดินมันจะเป็นลางร้ายสำหรับบ้านเมือง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สมบัติของชาติชิ้นนี้ได้รับการบูรณะดูแลไม่ให้เสียและหยุดเดินกลางคัน
ทั้งนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อันไม่เป็นมงคลนั่นเอง
สำหรับนักท่องเที่ยวเบอร์ห้า สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่ๆ
ต้องเช็คอินมากที่สุดในลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้
ผู้คนต่างมายืนออรอกันที่ด้านหน้าหอนาฬิกาแทบจะทุกชั่วโมงเพื่อฟังเสียงนาฬิกาตี
ถ้าโชคดีคุณจะได้เห็นตัวตุ๊กตุ่นตุ๊กตาวิ่งหมุนวนไปมาจากฐานเป็นเวลาประมาณ 26 วินาที (เขาว่ากันนะ
ไม่เคยจับเวลาด้วยตัวเอง) ซึ่งสร้างความเพลิดเพลินให้กับนักท่องเที่ยวได้เพียงชั่วกลิ่นตดเพิ่งจะหายเหม็น
ไหนๆ ก็เสียเวลาเดินมาดูและรอฟังเสียงนาฬิกาแล้ว ถ้าไม่รีบมากนัก
ผมแนะนำให้ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปดูวิวเมืองปรากที่ชั้นบนสุดของหอคอย
ขอบอกเลยว่าสวยมากๆ คุ้มค่าต่อการถ่ายรูป Lanscape
วิวเมืองเก่าของกรุงปรากเป็นอย่างยิ่ง
บนนั้นคุณจะได้เห็นโบสถ์ St.Nicholas, Lady
Tyn และตึกรามบ้านช่องในย่าน Old Town ทั้ง 360 องศา
ย่านนี้เป็นอีกหนึ่งย่านที่ผู้คนล้นหลามเพราะถือเป็นศูนย์กลางของกรุงปรากฝั่ง
New Town เป็นที่ตั้งของสำนักงาน
พิพิธภัณฑ์ และแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ในช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาส จะมีร้านรวง ขายอาหาร
ขนม และของที่ระลึกเต็มสองข้างทาง แถมยังมีการแสดง Street Show หรือมายากลให้ดูอีกด้วย ผมเพิ่งจะรู้นะว่ารองเท้ายี่ห้อ
Bata ที่เราเห็นตั้งแต่เด็กนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศนี้
และที่ดูขัดหูขัดตานิดหน่อยคือร้านนวดไทยที่ตั้งตระหง่านข้างถนน
เอาเป็นว่าขอไม่วิพากษ์วิจารณ์ละกันครับ นี่ถ้าเดินเข้าไปลึกหน่อย คุณอาจผ่าน สิทธัตถะ
คาเฟ่ ซึ่งเป็นร้านอาหารในรั้วของ Buddha-bar Hotel โอโห…ตกแต่งโรงแรมด้วยเศียรพระพุทธรูป เห็นแล้วน่าใจหายจริงๆ
พยายามมองให้เป็นงานศิลปะ แต่มันดูฉาบฉวย จาบจ้วงศาสนายังไงก็ไม่รู้
ถ้าหากพอมีเวลา
ควรหาโอกาสไปเยือนเมืองมรดกโลกอย่าง Cesky
Krumlov ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐเช็ก
เป็นเมืองเก่าแก่ที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อ 600 กว่าปีที่แล้ว
ระยะทางอยู่ห่างจากปรากน่าจะประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ปรากเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก
สะดวกต่อการเดินไปไหนมาไหนโดยเฉพาะในเขต Old
Town ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง เพราะคุณจะหลงแน่นอน
ขอให้มีแผนที่อยู่ในมือ มีปากที่จะถาม และไม่เดินไปในที่ๆ เปลี่ยวจนเกินไป
รับรองว่าคุณสามารถกลับที่พักได้อย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับหลายๆ เมืองในฝั่งยุโรปตะวันออก
ผู้คนในกรุงปรากพอที่จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้บ้าง ไม่ต้องกลัวไปครับ
แต่ถ้าอยากสัมผัสเจาะลึกความเป็นมาของเมืองนี้
ผมแนะนำให้ลองใช้บริการไกด์ทัวร์ดูสักตั้ง ในฝั่ง Old
Town บริเวณ Astronomical
Clock คุณจะเจอทั้งไกด์มืออาชีพและมือสมัครเล่นยืนเรียงรายเต็มไปหมด
(ส่วนใหญ่จะใส่เสื้อสีแดงและน้ำเงิน ยืนกางร่มกันเป็นกลุ่ม)
คุณสามารถเรียกใช้บริการได้นะครับ เขาจะนัดเป็นรอบๆ
โดยคุณไม่ต้องจ่ายตังค์ล่วงหน้า แค่เสียค่าทิปส์ตามความพึงพอใจหลังจากเสร็จ Walking Tour แต่ก็อย่าให้ทิปส์น้อยจนน่าเกลียด
เดี๋ยวเขาจะหาว่าคนไทยขี้เหนียว (ซึ่งก็จริง)
ลองดูนะครับเผื่อว่าคุณจะเก็บข้อมูลได้มากพอที่จะเป็นไกด์พาผมเที่ยวในทริปหน้า
อิอิ
ฉันเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวด้วยการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
แม้จะมีหลงบ้างอะไรบ้าง แต่มันทำให้เรารู้สึกตื่นตัวและเรียนรู้ตลอดเวลา
อย่างการขึ้นรถลงเรือก็เหมือนกัน แม้จะไม่สะดวกสบายเหมือนการนั่งรถทัวร์
แต่มันทำให้เราได้เห็นขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น
ที่กรุงปรากนอกจากวิธีเดินเท้าแล้ว คุณยังสามารถลองใช้บริการขนส่งมวลชนอย่าง Trams (รถราง) และ Metro (รถไฟใต้ดิน)
โดยอัตราค่าโดยสารเขาจะคิดแบบ Flat rate ไม่นับระยะทางตามสถานีแบบบ้านเรา
แต่เขาจะนับเป็นเวลา ตั๋ว 30 นาที
คิดราคาอยู่ที่ (24 czk), 90 นาที
(32 czk), 1 วัน
(110 czk) และแบบ
3 วัน (310 czk) ซึ่งตั๋วโดยสารนั้นสามารถซื้อได้โดยตรงจากตู้
Slot Machine อยู่ใกล้ๆ
กับสถานี ก่อนจะขึ้นรถไฟให้เสียบบัตรเข้าไปที่เครื่องอ่านตั๋วหนึ่งทีเพื่อ stamp เวลาเข้า
หลังจากนั้นก็ไม่ต้องเสียบอีกภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ตามประเภทตั๋วที่ซื้อ
ที่นี่เขาเป็นระบบ Honor System ไม่มีการใช้คนมานั่งตรวจขอดูตั๋ว
นานๆ ทีอาจเจอสุ่มตรวจ ถ้าเกิด Jackpot ซื้อตั๋วผิดประเภทหรือจับได้ว่าโกง
ประหยัดเงินไปไม่เท่าไหร่แต่ถ้าถูกจับโดนค่าปรับอานแน่ๆ
เราคนไทยโตไปต้องไม่โกงนะครับ
ฉันไม่รู้ว่าคุณจะชอบ
Bohemian Platter ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของชาวเช็กมั๊ย
แต่ผมแน่ใจว่าคุณจะต้องชอบเดชไอ้ดุ้นอันนี้ Klobasa
(โคล-บา-สะ) ก็คือไส้กรอกหมู (75-80% เป็นเนื้อหมูและอีก 20% เป็นเบคอน) สบายใจได้ไม่มีเนื้อวัว
เพราะผมก็ไม่ทานเนื้อวัวเช่นเดียวกัน คุณสามารถหาทานได้จากร้านข้างทาง
บางร้านก็ทำเป็นแซนด์วิชให้คุณทานกับขนมปัง บางร้านก็สอดไส้คล้าย Hot Dog ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ตามตลาด X’Mas Market คุณจะได้ทาน Klobasa แบบพื้นเมืองมากกว่าที่ขายตามร้าน Fast Food ทั้งหลาย ถ้ายังไม่ถูกใจล่ะก็
ก็เปลี่ยนมาทานเป็นพวกเนื้อขาหมูย่างก็ได้
ราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่ถ้าซื้อตามตลาดข้างถนน แต่ถ้ากินตามร้านอาหารดีๆ
ราคาก็อัพขึ้นเป็นหลายเท่าตัวแน่นอน
มาเที่ยวฝรั่งยุโรปตะวันออก
คุณจะเห็นขนมประเภทนี้เต็มไปหมด Trdelnik ออกเสียงเป็นภาษาไทยว่า
“ตรึ๊ด-เดล-หนิก” แต่ความอร่อยต้องยกให้ที่เช็ก
เพราะถือเป็นหนึ่งในประเทศต้นตำรับ
อันที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าใครคือต้นตำรับขนานแท้ของขนมนี้กันแน่ เพราะทั้งที่
ฮังการี เช็ก สโลวาเกีย และออสเตรีย ต่างก็บอกว่าของตัวเองเด็ดสุด Trdelnik ถ้าจะกินให้อร่อย
ต้องซื้อจากร้านข้างทางที่ใช้เตาถ่านในการทำ แต่ข้อเสียของมันก็คือ
เตาถ่านมันควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ดีเท่าเตาไฟฟ้า
เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้ก้อนที่ไหม้เกรียมเป็นสีดำหน่อย
ก็ให้ถือซะว่าได้รสบาร์บีคิวมาเป็นของแถมละกันครับ
วิธีการทำขนมชนิดนี้คือต้องนวดแป้งเป็น Dough แล้วนำมาคลึงเป็นเส้น
พันเป็นวงๆ ก่อนจะนำไปปิ้งบนเตา หมุนไปหมุนมาโดยอัตโนมือจนกระทั่งสุก
เสร็จแล้วนำมากลิ้งโรยน้ำตาลนิดนึง รสชาติจะประมาณโรตีผสมครีมโคนที่ไม่ใส่ใส้ครีม
อย่าลืมนะครับต้องหาซื้อมากินตอนร้อนๆ ฟินอย่าบอกใครเชียว
ทีแรกก็ไม่เชื่อนะครับว่าเบียร์จะถูกกว่าน้ำ
แต่มันถูกกว่าจริงๆ นะครับ เอาเป็นว่าผมต้องยอมผิดศีลไปหนึ่งวันเพื่อลองทานเบียร์สดที่ขึ้นชื่อของเช็ก
เสิร์ฟแบบเย็นๆ ทานแล้วสดชื่นดี
แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะจนกระทั่งต้องรีบเอาอาหารกระแทกปากให้หายเมา
555 ผมลองค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม
จนมาพบว่าประเทศเช็กเป็นประเทศที่ทานเบียร์เยอะที่สุดในโลก มากกว่าประเทศเยอรมันเสียอีก